Translate

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อยากเสี่ยงโชค มีเงินใช้ทุกเดือน แต่ไม่อยากเสียเงินต้น!!!

     

     หลายๆ คนคงจะเคยมีความคิดว่า อยากได้เงินมาใช้หน่อยก็คงดี จะทำอย่างไรดีหล่ะ ว่าแล้วก็คว้าเงิน 80 บาท ไปซื้อลอตเตอรี่มาเสี่ยงโชคสักคู่ก็แล้วกันเผื่อจะมีลาภกับเขาบ้าง อย่างน้อยถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวก็ยังดี ได้เงินตั้ง 2000 แหน่ะ

อ่าว...แล้วถ้าไม่ถูกหล่ะ??
ก็เสียเงิน 80 บาท ไง
80 บาท แค่นี้จิ๊บๆ

     ส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินคำปลอบใจตัวเองแบบนี้อยู่บ่อยๆ เรามาลองคำนวณเล่นๆดูว่า ถ้าเราซื้อลอตเตอรี่เดือนละครั้งเป็นเวลา 3 ปี จะเป็นเงินเท่าไหร่

80 x 36 = 2,880 บาท

     ถ้าไม่ถูกรางวัลเลย 3 ปีเราทิ้งเงินไป 2,880 บาท แล้วถ้าเราไม่ยอมหล่ะ อย่างน้อยอยากขึ้นชื่อได้ว่าถูกลอตเตอรี่ครั้งนึงในชีวิต เราต้องใช้เงินซื้อเท่าไหร่ เราก็ต้องมาดูก่อนว่า โอกาสถูกเลขท้าย 2 ตัวเป็นเท่าไหร่ คำตอบคือ 1 ใน 100 พูดง่ายๆก็คือ ถ้าอยากจะถูกลอตเตอรี่ให้ได้ต้องซื้อลอตเตอรี่เลขเลี่ยงกัน 100 ใบ ตั้งแต่เลข xxxx00 – xxxx99 แล้วมันเป็นเงินเท่าไหร่หล่ะ

80 x 100 = 8,000 บาท

     งวดเดียวจ่ายเงิน 8,000 บาท เพื่อได้เงิน 2,000 บาท ขาดทุน 6,000 บาท คุ้มไหม???

เสียมากกว่าได้
     
     เราเห็นแล้วว่า
  • ถ้าเราซื้อลอตเตอรี่แค่ใบเดียวโอกาสที่จะถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว มีแค่ 1 ใน 100  ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะถูกรางวัล
  • ถ้าเราเลือกซื้อตัวเลขให้ครอบคลุมรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ก็ต้องใช้จำนวนเงินที่เยอะกว่ารางวัลที่ได้ ทำให้เราขาดทุนแน่ๆ เพราะเลขรางวัลที่ไม่ถูกเราจะไม่ได้เงินคืน


     แล้วทำยังไงที่เราจะสามารถเสี่ยงโชคแล้วไม่เสียเงินต้นด้วย อันนี้ไม่ได้พูดถึงการให้เลขเด็ดหรือสอนเล่นการพนันแต่อย่างใด แต่มันเป็นรูปแบบของการเสี่ยงโชคบวกกับการออมนั่นเอง แล้วมันคืออะไรหล่ะ คำตอบก็คือ.......... การซื้อสลากออมสิน หรือ สลาก ธ.ก.ส. นั่นเอง




สลากออมสินและสลาก ธ.ก.ส. ดียังไง


 
(ข้อมูลเพิ่มเติม: สลากออมสิน, สลาก ธ.ก.ส.)

  • ซื้อสลาก 1 หน่วย( 1 ใบ) สามารถมีสิทธิ์เสี่ยงโชค 36 ครั้ง หรือ 3 ปีนั่นเอง
  • มีรางวัลต่างๆ มากมายให้เสี่ยงโชค รวมถึงรางวัลเลขท้าย
  • ถ้าภายใน 3 ปีไม่ถูกรางวัลอะไรเลย เราสามารถได้เงินคืน แถมด้วยเงินปลอบใจอีกนิดหน่อย
     เป็นอะไรที่สุดๆไปเลย ถูกหรือไม่ถูกรางวัลก็ได้เงินคืน มีเงินแถมให้อีกนิดหน่อยด้วย ถ้าเป็นแบบนี้เราก็สามารถซื้อจำนวนสลากให้ครอบคลุมรางวัลเลขท้ายเพื่อให้ถูกรางวัลแล้ว เพราะเลขที่ไม่ถูกรางวัลเราก็ได้เงินคืน มันจะดีอะไรอย่างนี้เนี่ย ^^

มีเงินใช้ทุกเดือนได้สบายๆ


   จากการที่เราได้เงินคืนเมื่อสลากครบอายุ ทำให้เราสามารถซื้อจำนวนสลากให้ครอบคลุมรางวัลเลขท้ายได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าเงินต้นเราจะหายไปไหน ทีนี้ลองมาคำนวณดูว่า เราต้องใช้เงินซื้อสลากเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ถึงจะมีเงินใช้ทุกเดือน(ถูกรางวัลทุกเดือน) จากรูปจะเห็นว่า

  • รางวัลต่ำสุดของสลากออมสินคือ "รางวัลเลขท้าย 4 ตัว" ดังนั้นเราต้องซื้อสลากจำนวน 10,000 หน่วย ถึงจะครอบคลุมรางวัลเลขท้าย 4 ตัว สลากออมสิน 1 หน่วยราคา 50 บาท ดังนั้นเราต้องใช้เงินซื้อ 500,000 บาท เพื่อถูกรางวัลเลขท้าย 4 ตัว

xxx0000 - xxx9999 = 10,000 หน่วย
10,000 x 50 = 500,000 บาท

  • รางวัลต่ำสุดของสลาก ธ.ก.ส. คือ "รางวัลเลขท้าย 3 ตัว" ดังนั้นเราต้องซื้อสลากจำนวน 1,000 หน่วย ถึงจะครอบคลุมรางวัลเลขท้าย 3 ตัว สลาก ธ.ก.ส. 1 หน่วยราคา 500 บาท ดังนั้นเราต้องใช้เงินซื้อ 500,000 บาท เพื่อถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว

xxxx000 - xxxx999 = 1,000 หน่วย
1,000 x 500 = 500,000 บาท

  • ถ้าซื้อสลากออมสินเราจะมีเงินใช้เดือนละ 300 บาท ส่วนสลาก ธ.ก.ส. จะอยู่ที่ 400 บาท
  • เมื่อสิ้นงวดสลากออมสินได้เงินคืน 510,000 บาท ส่วนสลาก ธ.ก.ส. คือ 512,500 บาท
(***ข้อมูล ณ วันที่ 26/7/59***)


     อาจจะมีคนบอกว่า มีเงินขนาดนี้เอาไปฝากประจำกินดอกเบี้ยดีกว่า ก็อาจจะถูกในส่วนนึง แต่อย่าลืมว่า การที่เราเลือกที่จะซื้อสลากเพราะเราต้องการ "เสี่ยงโชค" เพื่อหวังว่าบางทีเราอาจจะถูกรางวัลที่สูงกว่ารางวัลขั้นต่ำก็ได้ ส่วนการที่เราใช้เงินจำนวนเยอะในการซื้อ เพราะเราต้องการการันตีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนนั่นเอง แล้วคราวหน้าเราจะมาเปรียบเทียบกันว่า แล้วสลากออมสินหรือสลาก ธ.ก.ส. ตัวไหนให้ผลตอบแทนสูงกว่ากัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น